ชีวิตไม่มีความหมาย และนั่นเป็นเหตุผลที่เรามีชีวิต

เช้านี้ระหว่างที่เราออกไปเดินออกกำลังกาย เราเปิดฟัง podcast จากช่อง shortcut ปรัชญาใน YouTube ซึ่งเป็นหนึ่งในช่องที่เราชอบ เนื้อหาของช่องนี้มักจะพูดถึงแนวคิดปรัชญาต่าง ๆ ที่กระตุ้นให้เราคิดตาม และหลายครั้งก็ช่วยให้เราได้ครุ่นคิดถึงชีวิตของเราเอง ว่าเรามองชีวิตและการมีอยู่ของเราอย่างไรบ้าง

ตอนล่าสุดที่เราฟัง พูดถึงแนวคิดปรัชญาที่เรียกว่า Absurdism ซึ่งเป็นแนวคิดที่น่าสนใจและท้าทายการมองชีวิตในแบบที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย หลายคนอาจจะใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายบางอย่าง หรือพยายามค้นหาความหมายของชีวิตเพื่อทำให้รู้สึกว่าการมีอยู่ของตนเองนั้นมีคุณค่า แต่ Absurdism กลับตั้งคำถามว่าถ้าหากว่าชีวิตของเรานั้นไม่มีความหมายอะไรเลยล่ะ? แนวคิดนี้เสนอว่า โลกนี้และการดำรงอยู่ของมนุษย์นั้นไม่จำเป็นต้องมีความหมายที่ชัดเจนเสมอไป การไม่มีความหมายเป็นสิ่งที่ธรรมชาติของมนุษย์ต้องเผชิญ และแทนที่จะพยายามหาคำตอบ เราควรยอมรับมันและใช้ชีวิตต่อไปอย่างที่มันเป็น

ใน podcast เล่าถึงเรื่องราวของ “ซิซิฟัส” หนึ่งในตัวละครจากตำนานกรีก ซิซิฟัสถูกเทพเจ้าลงโทษให้เข็นหินก้อนใหญ่ขึ้นไปบนภูเขา และทุกครั้งที่เขาเข็นมันขึ้นไปถึงยอด หินก้อนนั้นก็จะกลิ้งลงมาที่ตีนเขาอีกครั้ง และซิซิฟัสก็ต้องเริ่มต้นใหม่ซ้ำ ๆ ไม่มีวันสิ้นสุด สิ่งที่ซิซิฟัสทำจึงดูเหมือนไม่มีความหมาย ไม่มีจุดหมายปลายทาง ไม่มีสิ่งใดที่จะสำเร็จลุล่วงได้ มันเป็นการกระทำที่เหมือนจะเปล่าประโยชน์ แต่สิ่งที่ทำให้เรื่องราวของซิซิฟัสน่าสนใจคือ การที่เขายอมรับชะตากรรมของตัวเองได้ เขาไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นผู้แพ้ แต่กลับมองว่าการที่เขาได้ตัดสินใจที่จะเข็นหินขึ้นไปบนเขาอย่างไม่หยุดหย่อนนั้น เป็นการแสดงออกถึงการควบคุมชีวิตของตัวเอง แม้ว่าโชคชะตาจะเป็นเช่นไร แต่การที่เขาเลือกที่จะทำมัน กลับกลายเป็นชัยชนะในแบบของเขาเอง

เรื่องราวของซิซิฟัสทำให้เราได้มองเห็นแง่มุมหนึ่งของชีวิตที่อาจไม่จำเป็นต้องมีจุดมุ่งหมายใหญ่โต หรือความหมายที่แน่ชัดเสมอไป เราอาจไม่ต้องพยายามตามหาคำตอบที่ยิ่งใหญ่ของชีวิต แต่การยอมรับชีวิตอย่างที่มันเป็นและใช้ชีวิตต่อไปในแต่ละวันด้วยการทำสิ่งที่เราทำได้ อาจเป็นความหมายที่เพียงพอแล้ว

พอฟัง podcast ตอนนี้ เราก็ได้มานั่งคิดว่าชีวิตของเราตอนนี้เป็นอย่างไร เราเองก็เคยมีเป้าหมายที่ชัดเจนในหลาย ๆ อย่าง ทั้งเรื่องการเรียน การทำงาน หรือแม้กระทั่งความฝัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เรากลับพบว่า หลายสิ่งที่เราเคยคิดว่ามันสำคัญมาก กลับเริ่มจางหายไปและเปลี่ยนแปลงตามประสบการณ์ชีวิต เราอาจไม่จำเป็นต้องมีคำตอบที่ชัดเจนว่าชีวิตของเราจะต้องเป็นอย่างไร แค่เรายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น และเลือกที่จะใช้ชีวิตอย่างมีสติและทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ นั่นก็อาจเป็นความหมายของชีวิตในแบบที่เราเลือกแล้วก็ได้

สุดท้ายนี้ แนวคิด Absurdism อาจจะดูขัดแย้งกับสังคมที่มักจะเน้นการตั้งเป้าหมายและความสำเร็จ แต่การที่เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับความไม่แน่นอนของชีวิตก็อาจจะช่วยให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจและมีความสุขมากขึ้น ไม่ว่าความหมายของมันจะเป็นอะไรหรือไม่มีอะไรเลยก็ตาม